การเลือกซื้ออาหาร
เนื่องจากอาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตมนุษย์
ในวันหนึ่ง ๆ เราจะต้องกินอาหารเข้าไป ถึง 3 มื้อ ฉะนั้นการเลือกซื้ออาหารโดยวิธีฉลาด ประหยัดเงิน และเวลา
จึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญยิ่งสำหรับแม่บ้าน
การได้เรียนรู้ถึงการจ่ายตลาดและเลือกซื้ออาหารเพื่อจะได้นำไปปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันให้เกิดผลอย่างแท้จริงมีข้อคิดและควรยึดถือเป็นหลักในการเลือกซื้ออาหารมี
ดังนี้
1.งบประมาณ ที่มีอยู่ต่อวัน ต่อสัปดาห์ ต่อเดือน
อาหารที่มีคุณภาพดีไม่ได้อยู่ที่ราคาเสมอไป
ถ้าอาหารนั้นๆมีคุณค่าทางอาหารพอกัน
แต่เปรียบเทียบราคาแล้วแตกต่างกัน การซื้อตาม
งบประมาณจะเป็นการประหยัดกว่า
2.ฤดูกาล การเลือกซื้ออาหารให้ถูกต้องตามฤดูกาล เช่น
ซื้อผักและผลไม้ตามฤดูกาล จะมีรสอร่อย
สด และมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่า
3.จำนวนของ การเลือกซื้อของจำนวนมาก
ซื้อเป็นกิโลกรัมจะถูกว่าการซื้อปลีก เช่น กะปิ หัวหอม กระเทียม น้ำตาล เนื้อหมู
ฯลฯ
เป็นที่น่าสังเกตว่าครอบครัวที่มีรายได้น้อยไม่มีโอกาสจะซื้ออาหารมาสำรองสต็อกไว้เพราะมีรายได้น้อยจึงใช้วิธีซื้ออาหารปลีกย่อย
เช่น ข้าวสาร ทีละ 1 ลิตร ฯลฯ จึงทำให้เสียผลประโยชน์ ดังกล่าว
4.แหล่งที่ผลิตและจำหน่าย การซื้ออาหารที่สามารถหาซื้อได้ในท้องถิ่นหรือตลาดใกล้บ้าน
เช่น ผัก ที่ชาวบ้านปลูกเองแล้วนำมาขายในตลาดตอนเช้าราคาจะถูกกว่า
ละของที่ต้องการซื้อ เช่น ผักสด ผลไม้
ย่อมจะสดกว่าผักที่ผ่านการขนส่งมาจากระยะทางไกลๆ
5.เวลา เพื่อการประหยัดเวลาโดยกำหนดเวลาในการจ่ายตลาด
เช่น สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้งจะช่วยลดความเหนื่อยของแม่บ้านและคนในบ้านไปได้มาก
6.คุณค่าอาหาร การเลือกซื้ออาหารในหลายๆ ประเภท
ควรพิจารณาคุณค่าของอาหารให้ครบถ้วนตามหลักอาหาร 5 หมู่
เพราะว่าร่างกายของมนุษย์ต้องการอาหารครบ 5 หมู่
ในแต่ละมื้อแม่บ้านบางคนฝึกให้สมาชิกในครอบครัวบริโภคไม่ดี เช่น
กินอยู่อย่างเดียวหรือไม่กินผักเลย
โอกาสที่จะเป็นโรคขาดสารอาหารในอนาคตย่อมมีมากกว่า
7.เลือกซื้ออาหาร
ตามความนิยมของผู้รับประทานข้อนี้แม่บ้านควรพิจารณาถึงความชอบและไม่ชอบของสมาชิกในครอบครัว
ตามอายุและวัย นอกจากนี้ในการเลือกซื้ออาหาร
ควรจัดอาหารให้เหมาะสมกับกลุ่มคนและวัฒนธรรมเพิ่มขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ดี
จะต้องยึดหลักอาหาร 5 หมู่ ไว้ด้วย
8.วัยของบุคคล การเปลี่ยนวัยมีผลต่อการกินด้วย เช่น
บางคนอายุมากขึ้น เริ่มชอบกินผักหรือชอบกินผักที่มีรสขมๆ ได้ เป็นต้น
9.ไม่ควรซื้ออาหารที่ขายเป็นกองๆ ในราคาถูก
ทั้งนี้ต้องพิจารณาดูว่า ผัก ผลไม้ หรือกุ้ง ปลา ที่แม่ค้านำมากองขายนั้น
มีคุณภาพดีหรือไม่ เพราะว่าอาหารที่ขายเป็นกองๆ
มักจะมีอาหารที่เสื่อมคุณภาพปะปนอยู่ด้วย ถ้าจะเลือกซื้ออาหารสด สะอาด
และมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย ก็จะได้อาหารที่ดีมีคุณภาพกว่า ดังนั้น
ยังนับได้ว่าเป็นการเลือกซื้อที่ฉลาดกว่า
10.สภาพแวดล้อม มีผลต่อราคาของ ควรซื้อจากเจ้าประจำ
โดยเฉพาะ เนื้อ หมู ไก่ เพราะมีโอกาสที่จะได้ของดีตรงตามตราชั่งกว่าการซื้อจร
11.ศึกษาราคา ของของแต่ละตลาดราคาอาจไม่แน่นอน
ในโอกาสที่แม่บ้านไม่ได้เป็นผู้จ่ายเอง การทราบราคาของจะช่วยแม่บ้านได้มาก
12.มีความเข้าใจ
และมีความรู้เรื่องลักษณะความแตกต่างของของดีและของไม่ดี
ตลอดจนคุณค่าของอาหารเหล่านั้นที่มีต่อร่างกายด้วย ข้อนี้จะช่วยให้แม่บ้านฉลาด
รอบรู้ และสามารถซื้ออาหารได้ด้วยวิธีฉลาด
การเลือกซื้ออาหารสด
อาหารที่ใช้ในครอบครัว
แบ่งออกเป็น 4 พวก เป็นต้นว่า
- อาหารสด เช่น
เนื้อ ผัก ผลไม้
- อาหารแห้ง
และเครื่องประกอบการปรุงอาหาร
เช่น แป้ง น้ำปลา น้ำตาล
- อาหารสำเร็จรูป
ที่กินได้เลย เช่น แกงเผ็ด
ขนมปัง ไส้กรอก ปลาแนม แหนม แยม ไอศกรีม ผัก
- อาหารกระป๋อง
เช่น นม เนย
อาหารสำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง
การจ่ายของสดจากตลาด
ยังเป็นกิจกรรมที่สำคัญของแม่บ้าน คนไทยจึงควรศึกษา เพื่อจะได้ของสดที่สดจริงๆ
หรือตรงกับจุดประสงค์ที่ต้องการ
1.ประเภทสัตว์บก
1.1เนื้อวัว
เนื้อวัวที่ดีควรจะมีสีแดงสด
ถ้าแดงเข้มเกินไปจะเป็นเนื้อควาย มันเนื้อวัวจะมีสีเหลืองอ่อน
มันเนื้อควายจะมีสีขาว
การประกอบอาหารเนื้อวัว
นักโภชนาการแบ่งเนื้อออกเป็น 3 ประเภท ตามคุณภาพ
เนื้อชั้นที่
1 ได้แก่ เนื้อสันใน เนื้อสันนอก และเนื้อสะโพก
เนื้อชั้นที่
2 ได้แก่ เนื้อคอ เนื้อไหล่ เนื้อขาหน้า เนื้อขาหลัง และเนื้อหน้าอก
เนื้อชั้นที่
3 ได้แก่ เนื้อติดซี่โครง และเนื้อส่วนอื่นๆ
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว
คำว่า “คุณภาพ” ในที่นี้หมายถึง ความนุ่มนวลของเนื้อ
หรือความเปื่อยมากเปื่อยน้อยและการมีพังผืดติดอยู่ระหว่างเซลล์ของกล้ามเนื้อมากหรือน้อย
ส่วนรสไม่ผิดกันมาก
เพราะฉะนั้นการที่จะเลือกซื้อเนื้อชนิดใดจึงต้องคำนึงถึงว่าจะทำอาหารใดด้วย
1.2
เนื้อหมู
การเลือกซื้อเนื้อหมูใช้วิธีเดียวกับเนื้อวัว
เนื้อหมูติดซี่โครงนิยมกันว่าอร่อยกว่าเนื้อส่วนอื่นๆ
เนื้อสันหมูที่ติดกับซี่โครงก็มีรสอร่อยเหมือนกัน
เนื้อสะโพกใช้ทำกับข้าวแทนเนื้อสันหมูได้ แต่เหนียวและกระด้างกว่าและมีพังผืดแทรก
ราคาถูกกว่าเนื้อสันหมู
เนื้อสะโพกของหมูเหมาะที่จะทำเป็นแฮม
ถ้าใช้เนื้อหมูทอด ปิ้ง หรือย่าง ควรใช้สันหมูติดซี่โครงหรือหมูสามชั้น เพราะมีมัน
แทรกสลับกับเนื้อส่วนที่เป็นมันมีมากกว่าส่วนที่เป็นเนื้อ
สำหรับอบควรใช้เนื้อสันและแล่เป็นท่อนยาว ถ้าเป็นเนื้อสะโพกก็ตัดแต่ง
และบางทีก็ม้วนให้เป็นท่อนยาวเหมือนกันส่วนเนื้อสามชั้นพื้นท้องจะบางกว่าและมีมันน้อยกว่าเนื้อสามชั้นในบริเวณอื่น
ดังนั้นเนื้อที่ติดอยู่กับเนื้อสามชั้นพื้นท้องก็จะบางและอ่อนนุ่มกว่า
จึงเหมาะที่จะนำมาทำหมูย่างชนิดหนังกรอบหรือทำหมูหวานที่ติดมันน้อยหน่อยและหมูแบคอน
นอกจากจะพิจารณาคุณภาพของเนื้อหมูแล้ว
ควรนึกถึงพยาธิในตัวหมูด้วย หมูเป็นๆอาจเป็นโรคพยาธิที่เรียกว่า โรค Trichinosis ตัวพยาธิที่มีชื่อว่า Trichinosis spiralis จัดเป็นพยาธิตัวกลมชนิดหนึ่งจะพบเป็นปุ่มก้อนเนื้อเล็กๆ
คล้ายเม็ดสาคูหรือที่เรียกว่า cyst ใน cyst นี้มีตัวตัวพยาธิรวมกันอยู่เป็นกระจุดเส้นผม
พยาธิชนิดนี้มีอันตรายแก่คนอาจถึงตายได้ หมูที่เลี้ยงปล่อยปละชนิดให้หมูหาเศษอาหารกินเองตามกองขยะหรือการเทเศษอาหารเหลือๆ
ลงบนดินให้หมูกิน หมูก็จะรับเอาเชื้อ Trichinosis
spiralis เข้าไป
2. ประเภทสัตว์ปีก
สัตว์ปีก ได้แก่ ไก่ เป็ด สมัยก่อนคนนิยมเลี้ยงเป็ด ไก่
กันเพื่อไว้กินไข่และใช้เนื้อรับประทานกันในครอบครัวปัจจุบันจัดทำกันเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีก เพื่อส่งขายทั้ง ไข่และเนื้อ
โดยทั่วๆ
ไปนิยมบริโภคกันมาก
เพราะประกอบอาหารได้หลายประเภททั้งยังมีขายอยู่ทั่วไปและหาซื้อได้ง่ายด้วย
ด้านคุณค่า ทางโภชนาการของสัตว์ปีกก็คล้ายเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ คือ
มีโปรตีนที่มีคุณภาพสูงและอยู่ในปริมาณมาก
3. ประเภทสัตว์น้ำ
3.1 ปลา
เนื้อปลาเป็นอาหารเนื้อที่ย่อยง่ายกว่าสัตว์อื่นๆ
อีกทั้งเนื้อปลานั้นยังมีธาตุฟอสฟอรัสอยู่ด้วยเป็นส่วนมาก
ยิ่งปลาทะเลยิ่งมีมากกว่าปลาน้ำจืด
จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยบางโรคที่แพทย์ห้ามบริโภคเนื้อสัตว์อื่นๆ
แต่จะอนุญาตให้บริโภคเนื้อปลาได้
3.2 กุ้ง ปู และหอย
กุ้ง กุ้งในน้ำจืดมีกุ้งนางและกุ้งก้ามกรามซึ่งปัจจุบันหายากและราคาแพง
กุ้งนางและกุ้งก้ามกรามที่มีอยู่ตามธรรมชาติเกือบจะไม่มีอยู่แล้วกุ้งส่วนมากที่ขายอยู่ในตลาดสดปัจจุบันจึงเป็นกุ้งที่นำมาจากบ่อเพาะเลี้ยง
ซึ่งก็ยังทำกันอยู่น้อยมากไม่เพียงพอกับความต้องการ
กุ้งน้ำจืดและกุ้งทะเลเป็นสัตว์จำพวกเปือกแข็ง
ปู เป็นสัตว์น้ำอีกประเภทหนึ่งที่คนกินกันอยู่เป็นสามัญปูที่กินกันเป็นล่ำเป็นสันคือ
ปูม้า ปูทะเล เนื้อปูมีน้ำมากกว่าเนื้อกุ้ง และเนื้อปลา
เมื่อเอาปูเป็นขึ้นมาขายในตลาดน้ำจากตัวปูมักระเหยไปได้มากทำให้ตัวปูเบาลง
เรียกว่า “ปูโพรก”
หอย หอยน้ำจืดที่กินได้และกินกันทั่วไปคือ
หอยขม
และหอยโข่งชนิดหนึ่งหอยทั้งสองอย่างนี้มักจะมีพาราไซท์และบักเตรีแอบแฝงอยู่มากการกินหอยทั้งสองชนิดต้องทำให้สุกอย่างมากๆ
เสียก่อน สำหรับหอยโข่งมีหลายชนิด และบางชนิดก็มีสารเคมีที่เป็นพิษแม้จะมีโปรตีนมากเท่าๆ
กับโปรตีนไข่ไก่ก็ไม่น่าเสี่ยงกินในปัจจุบันนี้ในตลาดก็ไม่ค่อยจะมีขาย
ในทะเลมีหอยที่กินได้หลายอย่าง
ที่กินกันมากที่สุดคือหอยแมลงภู่
หอยแครง หอยกาบ
หอยนางรม หอยกะพง หอยเสียบ และหอยหลอด สำหรับหอยแครง
หอยนางรม หอยกาบ และหอยกะพง นิยมกินกันสดๆ โดยการลวกพอสุก อบ ผัดหรือต้ม ในบรรดาหอยเหล่านี้
หอยนางรมเนื้อนุ่มที่สุดแต่พอถึงรสแล้ว หอยอื่นมีรสดีกว่า มีโปรตีนมากกว่า
แต่เนื้อเหนียวกว่า หอยเสียบกินดองในน้ำปลา
และหอยหลอดมีทั้งชนิดสดและชนิดตากแดดให้แห้งแล้วทอดกิน
การเลือกซื้อหอยให้ได้สดๆ
ก็คือ ดูว่ากาบหอยนั้นยังไม่อ้า เวลาจับจะหุบแน่นส่วนหอยแมลงภู่ที่แกะแล้ว
ถ้ายังมีสีสดสวยอยู่ไม่ซีด ก็จัดว่าสด
มีประโยชน์ในการเลือกซื้ออาหารมากๆๆ
ตอบลบอืม..สิ่งที่ควรรู้
ตอบลบไม่เคยเลือกเลย ได้แต่ซ์้อๆเอา
ตอบลบเนื้อหาดีมากเลย
ตอบลบดีจังฉลาดขึ้นเลย
ตอบลบสาระเยอะนะเราอะ
ตอบลบขอบคุณสำหรับข้อมูล มีประโยชน์มากเรยคะ
ตอบลบจะต้องเลือกดีๆๆแล้ว
ตอบลบได้ความรู้มาก
ตอบลบมีประโยชน์มากๆครับ
ตอบลบ